เมื่อคนส่วนใหญ่ใช้เวลามากกว่า 1 ใน 3 ของชีวิตในการอยู่บนเตียงนอน
จึงไม่ควรละเลยเรื่องความสะอาดของผ้าปูที่นอน เพราะแม้ภายนอกยังดูสะอาดอยู่ แต่ความจริงแล้ว กลับเป็นแหล่งสะสมเชื้อโรคได้อย่างคาดไม่ถึง
ศาสตราจารย์ฟิลิป เทียร์โน่ นักจุลชีววิทยาแห่งมหาวิทยาลัยนิวยอร์กของสหรัฐอเมริกา กล่าวว่า การปล่อยให้เชื้อโรคอาศัยอยู่ตามรอยพับหรือรอยย่นของผ้าปูที่นอน สามารถทำให้พวกเราป่วยได้
ทั้งนี้ เชื้อแบคทีเรีย และเชื้อราที่พบบนที่นอนนั้น ส่วนหนึ่งก็มาจากตัวเราเองด้วยเช่นกัน ทั้งจากเหงื่อ, น้ำลาย และเซลล์ผิวที่ถูกผลัดออกมา
นอกจากนี้ การนอนบนที่นอนเดิมๆ โดยไม่เปลี่ยนผ้าปูที่นอนเลยนั้น ยังเป็นสาเหตุที่ทำให้เราคัดจมูกและจามด้วย เพราะเชื้อโรคต่างๆ อยู่ใกล้กับปากและจมูกของเราในขณะที่เรานอนหลับนั่นเอง ซึ่งจากผลการวิจัยเมื่อเร็วๆ นี้ พบด้วยว่า หมอนขนเป็ด และหมอนใยสังเคราะห์ ที่ใช้งานมานานกว่า 10 ปี เป็นที่อยู่ของเชื้อรามากมายถึง 16 ชนิดเลยทีเดียว
ดังนั้น หากไม่อยากเจ็บป่วย หรือเสี่ยงต่อการเป็นภูมิแพ้ เพราะนอนอยู่กับเชื้อโรคทุกวัน ก็ควรจะซักหรือเปลี่ยนผ้าปูที่นอนให้บ่อยขึ้น อย่างน้อยสัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง เพื่อให้การนอนหลับไม่เป็นต้นตอของการนำเชื้อโรคเข้าสู่ร่างกายโดยไม่จำเป็น
นอกจากนี้ ไตรรงค์ ปิมปา นักวิชาการสิ่งแวดล้อม สำนักบริหารจัดการน้ำ กรมทรัพยากรน้ำ เล่าไว้ในเว็บไซค์ประปาไทยดอทคอมว่า “ผมดูรายการทอคโชว์ชื่อดังของอเมริกา จัดโดยคุณมาธา (มาธา สจ๊วต พิธีกรชื่อดัง) เมื่อช่วงมีนาคม 2554 เธอถามนายกเทศมนตรีท่านหนึ่ง ที่มาร่วมรายการช่วงเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพ ว่า ท่านเปลี่ยนผ้าปูที่นอนบ่อยแค่ไหน ท่านบอกว่า ปกติเปลี่ยนผ้าปูที่นอน สัปดาห์ละ 2 ครั้ง ทำให้คนฟังในห้องส่ง อู้หู สะอาดจัง
คุณมาธาบอกว่า นี่ถูกต้องแล้ว แพทย์แนะนำให้เปลี่ยนผ้าปูที่นอน สัปดาห์ละ 2 ครั้ง หรือประมาณ 3-4 วัน /ครั้ง คุณลองนึกถึง เสื้อผ้าที่เราสวมใส่ เราใส่เสื้อ ที่แนบชิดร่างกาย หรือชั้นใน วันเดียวก็ใส่ซ้ำไม่ไหวแล้ว เนื่องจากเราใช้เสื้อผ้าประมาณ 8-12 ชั่วโมง เราก็จะมีเหงื่อไคล และมีกลิ่นแล้ว…
สังเกตเวลาเราโดยสารรถยนต์ตอนเย็น อาการร้อนๆ อบอ้าว กลิ่นตัวทุกคนจะแข่งขันกันโชยไปทั้งรถ หากเป็นเสื้อชั้นนอก หรือกางเกง อาจใส่ซ้ำได้อีกสักวันหนึ่ง หากไม่สัมผัสโดยตรงกับร่างกาย หรือใส่ในอากาศเย็น ห้องแอร์ แล้วเวลานอน เรานอน สัมผัสกับผ้าปูโดยตรง สักกี่ชั่วโมง ถ้าเราใช้เวลานอนปกติ วันละ 6-8 ชั่วโมง เพียง 2 วันก็เท่ากับเราใช้งานหนักมา 1 วัน หรือถ้าไม่หนัก 2 วันก็คือเทียบเท่า 4 วันกับเสื้อผ้าที่ไม่สกปรกหนัก นั่นคือ 4 วัน จึงเป็นการเหมาะสมที่จะให้เราเปลี่ยน ทุก 4 วัน หรือสัปดาห์ละ 2 ครั้ง
แล้วถ้าขอยืดไปสัก 1 สัปดาห์ล่ะ
- เชื้อราขึ้นแล้ว และเริ่มปล่อยสปอร์กระจายไปจุดอื่นทั่วห้อง ทำให้ทุกจุดง่ายที่จะขึ้นรา ที่ทำให้เราเป็นภูมิแพ้
- ไรฝุ่น ไชขึ้นมาถึงแล้ว และเริ่มกินเศษผม เหงื่อไคล ทำให้เรา คัน และไอ หรือจาม ไรฝุ่น มีอยู่ในที่นอนเป็นปกตินับล้านตัวบนที่นอน อยู่แล้ว
- สีผ้าเริ่มเปลี่ยน หมอง ใยผ้าเริ่มผุกร่อน และบาง ไม่สวย
- กลิ่นเริ่มออก เพราะแบคทีเรียเริ่มแพร่พันธุ์ และปล่อยของเสียออกมา ทำให้ที่นอนเราเหม็นอับ ฯลฯ
ในความเห็นของผู้เขียน คิดว่ามันขึ้นอยู่กับบุคคลด้วย เช่น หากเราอาบน้ำก่อนนอน เปิดแอร์นอน เราจะไม่มีเหงื่อ มันก็น่าจะต่อรองเป็น สัปดาห์ละ 1 ครั้ง ก็น่าจะไหว
และควรซัก-อบแห้งด้วยความร้อน หรือตากแสงแดดแรงๆ ด้วย เพื่อกำจัดเชื้อรา ไรฝุ่น นี่อาจเป็นคำตอบของผู้ที่เป็นภูมิแพ้บ่อยๆ และนึกไม่ออกว่าตนเองแพ้อะไรมา เข้าห้องนอนเป็นมีอาการทุกที!
ขอขอบคุณ
ภาพ : https://www.acnocglobal.com
ข้อมูล :Business Insider,ชีวอโรคยา อ้างอิงข้อมูลจาก ไตรรงค์ ปิมปา นักวิชาการสิ่งแวดล้อม สำนักบริหารจัดการน้ำ กรมทรัพยากรน้ำ
Leave a Reply